ข้าวโอ๊ต คุณประโยชน์ระดับ Super Food
ข้าวโอ๊ต เป็นธัญพืชเมืองหนาว เติบโตได้ดีในที่ที่อากาศเย็น โดยข้าวโอ๊ตนั้นถูกจัดให้เป็น Super Food หรือสุดยอดอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนการสูง ซึ่งแทบจะไม่ส่งผลเสียต่อร่างกายเลย เหมาะสำหรับรับประทานทุกวัน ปัจจุบันนี้ข้าวโอ๊ตเป็นที่นิยมอย่างมากในกลุ่มของคนรักสุขภาพและกลุ่มของคนลดน้ำหนักทั่วโลก
ข้าวโอ๊ต ทานแค่วันละ 100 กรัม ก็สุขภาพดีได้?
ในปี 1997 องค์กรอาหารและยาสหรัฐอเมริกา (FDA) ได้ให้การรับรองคุณประโยชน์ของข้าวโอ๊ต ว่าสามารถช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลและลดความเสี่ยงของโรคหัวใจได้ เพียงทานข้าวโอ๊ตวันละ 100 กรัม (เทียบเท่า 1 จาน หรือ 2 ทัพพี) สุขภาพจะดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
ข้าวโอ๊ต ประโยชน์ด้านลดไขมัน บำรุงขับถ่าย
เพียงทานข้าวโอ๊ต 100 กรัม จะได้รับใยอาหารประมาณ 10.7 กรัม ถือว่าเทียบเท่ากับทานส้มสายน้ำผึ้งประมาณ 6 ผล หรือ 450 กรัม หรือเทียบเท่ากับทานข้าวขาว 9 จาน หรือ 900 กรัม (ข้าวโอ๊ตมีใยอาหารมากกว่าข้าวขาว 9 เท่า) ใยอาหารในข้าวโอ๊ต แบ่งเป็นสองประเภทหลัก ๆ ได้แก่ 1.ใยอาหารชนิดละลายน้ำ เช่น เบต้ากลูแคน (Beta-Glucan) ที่มีสรรพคุณช่วยลดคอเลสเตอรอล ลดไขมันไม่ดี (LDL) และช่วยคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้สมดุล โดยข้าวโอ๊ต 100 กรัม มีเบต้ากลูแคน 3,000 มิลลิกรัม เป็นปริมาณขั้นต่ำต่อวันที่ร่างกายควรได้รับ 2.ใยอาหารชนิดไม่ละลายน้ำ เมื่อทานแล้วก็จะเข้าไปพองอยู่ในลำไส้เพื่อทำให้อุจจาระนุ่ม ขับถ่ายง่าย ช่วยลดอาการท้องผูก และช่วยสนับสนุนการทำงานของจุลินทรีย์ชนิดดีในร่างกาย
ข้าวโอ๊ต ประโยชน์ด้านที่ดีต่อกล้ามเนื้อ
ข้าวโอ๊ต 100 กรัม มีปริมาณโปรตีนสูงถึง 16.9 กรัม หรือมากเทียบเท่ากับการทานไข่ไก่เบอร์สี่ถึง 3 ฟองเลยทีเดียว โปรตีนในข้าวโอ๊ต ถือเป็นโปรตีนจากพืช (plant-based protein) มีสรรพคุณที่ช่วยบำรุงร่างกาย ฟื้นฟูส่วนที่สึกหรอต่าง ๆ ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ ซึ่งนำไปสู่การมีระบบเผาผลาญที่ดีขึ้น ข้าวโอ๊ต จึงเป็นที่ยมสำหรับกลุ่มคนที่รักการออกกำลังกาย/สร้างกล้ามเนื้อ
ข้าวโอ๊ต ประโยชน์ด้านที่ดีต่อกระดูกและฟัน ข้าวโอ๊ตอุดมด้วยแร่ธาตุสำคัญมากมาย รวมถึงแคลเซียมและฟอสฟอรัส ข้าวโอ๊ต 100 กรัม จะมีปริมาณแคลเซียม 50.4 มิลลิกรัม มากกว่าข้าวขาวถึง 50 เท่า! และมีปริมาณฟอสฟอรัส 410 มิลลิกรัม หรือสูงเทียบเท่านมวัว 2 แก้ว (200 มิลลิลิตร) ทานข้าวโอ๊ตเป็นประจำจะช่วยบำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรง ส่งเสริมด้านการเคลื่อนไหวของร่างกาย
ข้าวโอ๊ต ประโยชน์ด้านที่ดีต่อความดันโลหิต
อีกหนึ่งแร่ธาตุสำคัญที่พบในข้าวโอ๊ต นั่นคือโพแทสเซียม โดยข้าวโอ๊ต 100 กรัม จะมีปริมาณโพแทสเซียม 362 มิลลิกรัม เทียบเท่ากล้วยไข่ถึง 5 ผล มีส่วนช่วยควบคุมระดับความดันโลหิต และช่วยควบคุมสมดุลของน้ำในร่างกาย
ข้าวโอ๊ต ประโยชน์ด้านที่ดีต่อภูมิคุ้มกัน
ข้าวโอ๊ต 100 กรัม จะมีปริมาณธาตุเหล็ก 4.25 มิลลิกรัม เมื่อเทียบกับอาหารที่มีธาตุเหล็กสูงเช่น ผักคะน้า จะเทียบเท่ากับทานผักคะน้ามากถึง 400 กรัม เลยทีเดียว โดยธาตุเหล็กนั้นจะมีส่วนช่วยในการสร้างเม็ดเหลือดแดง ช่วยให้ระบบไหลเวียนเลือดของร่างกายดีขึ้น ส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย
ข้าวโอ๊ต ทานอย่างไรได้บ้าง?
ข้าวโอ๊ต แบ่งออกเป็นหลัก ๆ สองชนิด ได้แก่ 1.ข้าวโอ๊ตเต็มเมล็ด นิยมนำไปหุงรับประทานแทนข้าวขาว สามารถทำเมนูได้เหมือนข้าวขาวแทบทุกอย่าง มีเมล็ดนุ่ม เคี้ยวหนุบหนับ ผสมกับกลิ่นหอมละมุนอันเป็นเอกลักษณ์ 2.ข้าวโอ๊ตอบพร้อมทาน นิยมนำไปชงผสมกับเครื่องดื่ม เช่น นม กาแฟ, ทานคู่กับโยเกิร์ต, โรยผสมอาหารเพื่อเพิ่มรสสัมผัส, ทำเบเกอรีแทนแป้งสาลีขัดขาว, หรือทำโจ๊กและข้าวต้ม
ข้าวโอ๊ต มีประโยชน์กับใครบ้าง?
ข้าวโอ๊ต สามารถรับประทานได้ทุกวัน เพราะอุดมด้วยคุณประโยชน์ทีดีต่อร่างกาย เหมาะกับคนทุกเพศทุกวัย ไม่ว่าจะเป็น ผู้ที่ต้องการมีสุขภาพดี, ผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก, ผู้ที่ต้องการลดความดัน ลดไขมันในเลือด, ผูที่ต้องการป้องกันโรคหัวใจ และเบาหวาน, ผู้ที่ต้องการทานโปรตีนจากพืช, คุณแม่ที่ใส่ใจโภชนาการของลูกน้อย, คุณลูกที่ใส่ใจสุขภาพของพ่อแม่
ข้อแนะนำ
ข้าวโอ๊ตเป็นอาหารที่ปลอดภัยและดีต่อสุขภาพ แต่อย่างไรก็ตาม คนในกลุ่มต่อไปนี้ควรเลี่ยงการรับประทานข้าวโอ๊ตหรือผลิตภัณฑ์จากข้าวโอ๊ต
● ผู้ทีมีอาการเกี่ยวกับโรคไต ที่ต้องควบคุมการรับประทานโปรตีน ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียม
● ผู้ที่มีความผิดปกติของระบบย่อยอาหาร เพราะข้าวโอ๊ตจะอยู่ในท้องนาน ทำให้อิ่มนาน หากร่างกายย่อยอาหารได้ยาก จึงอาจเกิดอาการแน่นท้องตามมา
● ผู้ที่มีอาการแพ้อะวีนิน (Avenin) ซึ่งเป็นโปรตีนชนิดหนึ่งในข้าวโอ๊ตที่คล้ายกับกลูเตนในข้าวสาลี
วิธีเก็บรักษา
ข้าวโอ๊ตมีคุณสมบัติดูดซับกลิ่นได้ค่อนข้างดี จำเป็นต้องเก็บในภาชนะปิดสนิทเพื่อกันอากาศเข้า และเพื่อเพิ่มอายุในการเก็บรักษาควรแช่ใส่ตู้เย็นช่องธรรมดา จะเก็บได้นาน 8-12 เดือน และจะช่วยป้องกันไม่ให้มอดขึ้นได้
Comentarios